การเลือกซื้อ เครื่องสำรองไฟ ให้เหมาะสม และคุ้มค่าที่สุด

การเลือกเครื่องสำรองไฟควรเริ่มจาก กำลังไฟที่รองรับ (VA/Watt) โดยต้องคำนวณรวมอุปกรณ์ที่ต่อใช้งาน เช่น คอมพิวเตอร์ จอภาพ เราเตอร์ หรืออุปกรณ์สำนักงานอื่น ๆ เครื่องสำรองไฟควรรองรับกำลังไฟได้มากกว่าค่าที่ใช้งานจริงประมาณ 20–30% เพื่อความเสถียร

ประเภทของ UPS ก็สำคัญ

• Offline/Standby UPS → ราคาย่อมเยา เหมาะกับคอมทั่วไป ใช้ป้องกันไฟดับสั้น ๆ

• Line Interactive UPS → ปรับแรงดันไฟได้ในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับคอมทำงานหรืออุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรเพิ่มขึ้น

• Online UPS → แปลงไฟตลอดเวลา ไฟนิ่งที่สุด เหมาะสำหรับเซิร์ฟเวอร์หรืออุปกรณ์สำคัญ แต่ราคาสูงกว่า

ระยะเวลาสำรองไฟ (Backup Time) ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ โดยทั่วไปเครื่องสำรองไฟให้เวลาใช้งาน 5–30 นาที เพียงพอสำหรับการบันทึกงานและปิดเครื่องอย่างปลอดภัย หากต้องการใช้ต่อเนื่องนานกว่านี้ ควรเลือกความจุสูงขึ้น

ฟังก์ชันป้องกันไฟฟ้า (Power Protection) ควรมีระบบป้องกันไฟกระชาก ไฟตก และไฟเกิน เพื่อถนอมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ลดความเสี่ยงต่อการเสียหาย

การใช้งานและการเชื่อมต่อ บางรุ่นมีซอฟต์แวร์สำหรับตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และควบคุมการปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไฟดับ เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์สำคัญหรือทำงานระยะไกล

สุดท้ายควรพิจารณาเรื่อง แบตเตอรี่และการบำรุงรักษา UPS ที่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่ายและมีศูนย์บริการรองรับ จะช่วยให้ใช้งานได้คุ้มค่าและยาวนานขึ้น

สรุปการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟ (UPS)

• เลือกกำลังไฟ VA/Watt มากกว่าที่ใช้งานจริง 20–30%

• เลือกประเภท UPS ให้เหมาะ: Offline = พื้นฐาน, Line Interactive = งานทั่วไป, Online = งานสำคัญ

• ระยะเวลาสำรองไฟ 5–30 นาที เลือกตามความต้องการ

• มีระบบป้องกันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก เพื่อความปลอดภัย

• ซอฟต์แวร์ควบคุม/ตรวจสอบแบตเตอรี่ เพิ่มความสะดวก

• เลือกที่แบตเตอรี่เปลี่ยนได้ง่าย และมีศูนย์บริการรองรับ